วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มนุษย์ต่างดาว Alien


มนุษย์ต่างดาว Alien

มนุษย์ต่างดาว (Alien) เป็นสิ่งที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริงแต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ลักษณะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลก ซึ่งในความคิดของคนส่วนใหญ่ มักจะวาดภาพ มนุษย์ต่างดาว ลักษณะคล้ายคนแต่ ตัวเขียว หัวโต ตาโต เคยมาเยือนโลกโดยมากับ จานบิน


ประเภทของมนุษย์ต่างดาว

ได้มีการแบ่งประเภทตามลักษณะของผู้ที่อ้างว่าได้พบเจอมนุษย์ต่างดาวไว้ ดังนี้
-เกรย์ (Grey) หมายถึง
สีเทา โดยประเภทนี้พบบ่อยที่สุด (ดังในรูป) มีลักษณะหัวโต ตาโตสีดำ รูปร่างคล้ายมนุษย์ ไม่มีขน นิ้วทุกนิ้วเรียวยาว ผิวหนังสีเทา จึงเป็นที่มาของชื่อ สื่อสารกันด้วยการใช้โทรจิต
-อเลสเฮนกา (Aleshenka) ตั้งตามชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน
รัสเซีย ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยหญิงสติไม่สมประกอบผู้หนึ่ง มีการบันทึกการพบเจอไว้ด้วยเทปของตำรวจ แต่ภายหลังพบว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงตัวอ่อนของมนุษย์เท่านั้น
-กึ่ง
มนุษย์กึ่งสัตว์เลื้อยคลาน (Reptilian humanoid) ตัวสีเขียว รูปร่างคล้ายมนุษย์มี 2 ขา แต่มีผิวหนังและลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน
-ดรอป้า (Dropa) ตัวเล็กมาก ก่อนหน้านี้มีหลักฐานว่าเคยพบบริเวณพรมแดน
จีน-ทิเบต ราว 1 หมื่นปีก่อน แต่ต่อมาพบว่าเป็นหลักฐานเท็จ และเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องกุขึ้น
-คล้าย
หุ่นยนต์ (Robot) รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์ในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ เนื้อตัวเป็นโลหะ ขนาดค่อนข้างใหญ่
-คล้าย
วิญญาณ (Soul) ไม่มีกายเนื้อ สีขาว คล้ายผีหรือวิญญาณ (ตามคำบอกเล่าของ ศ.ดร.น.พ.เทพพนม เมืองแมน)


การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว

ได้มีการแบ่งประเภทการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวไว้ 5 ระดับ คือ
-การเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง (Close Encounters of the First Kind) หมายถึง การได้พบปะหรือเจอะเจอกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวในระยะที่ไกลห่างออกไป เช่น จานบินลอยอยู่บนท้องฟ้า หรืออยู่ห่างจากผู้ที่พบเจอในระยะ 50 หลา เป็นต้น
-การเผชิญหน้าระดับที่สอง (Close Encounters of the Second Kind) หมายถึง การพบปะกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวคล้ายกับการเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง แต่อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น เช่น อาจพบจานบินที่จอดอยู่บนพื้น เป็นต้น
-การเผชิญหน้าระดับที่สาม (Close Encounters of the Third Kind) หมายถึง การได้เข้าไปในจานบินจะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และสามารถออกมาได้
-การเผชิญหน้าระดับที่สี่ (Close Encounters of the Fourth Kind) หมายถึง การที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป อาจจะถูกทดลองด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และออกมาได้
-การเผชิญหน้าระดับที่ห้า (Close Encounters of the Fifth Kind) หมายถึง การที่มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในระดับที่เป็นกิจจะลักษณะ สามารถสื่อสารกันได้ความระหว่างมนุย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว

ข้อมูลจาก th.wikipedia.org/wiki/มนุษย์ต่างดาว

Aurora แสงเหนือ - แสงใต้

Aurora แสงเหนือ - แสงใต้
แสงประหลาดบนท้องฟ้าอาร์กติก
ในบางคืนบางท้องฟ้าของตำบลซึ่งอยู่ในแถบละติจูดสูงทั้งทางซีกโลกภาคใต้ ชาวโลกแถบนั้นอาจได้เห็นแสงเรืองแวบวาบเป็นม่านย้อย หรือเป็นเส้นสายหรือคล้ายเปลวไฟมีสีต่างๆ ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ปรากฏการณ์เช่นนี้มักเกิดบ่อยครั้งในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงและมีชื่อเรียกว่า แสงเหนือ หรือแสงใต้ แล้วแต่ว่าเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ขั้วเหนือหรือขั้วใต้ของโลก การเกิดแสงเหนือแสงใต้ขึ้นในบรรยากาศของโลก มีความสัมพันธ์กับการปรากฏของกลุ่มจุดบนดวงอาทิตย์ แสงเหนือแสงใต้มักเกิดภายหลังปรากฏการณ์ลุกจ้า หรือการระเบิดบนดวงอาทิตย์ประมาณหนึ่งวัน ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่า สิ่งที่มาทำให้เกิดแสงเหนือแสงใต้ขึ้นนี้ เดินทางมายังโลกจากบริเวณลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ ด้วยความเร็ว 1,600 กิโลเมตรต่อวินาที
แสงเหนือแสงใต้ มีความสัมพันธ์กับสนามแม่เหล็กของโลก เพราะบริเวณที่ปรากฏแสงเหนือแสงใต้ ให้เห็นบนท้องฟ้าบ่อยที่สุดนั้น เป็นโซนห่างจากขั้วเหนือและใต้ของแม่เหล็กโลก จาก 20 ถึง 25 องศาโดยรอบ สำหรับตำบลที่มองเห็นแสงเหนือแสงใต้จากไกล จะปรากฏว่าศูนย์กลางความสว่างของแถบแสงอยู่ตรงทิศทางตามแนวของเข็มทิศพอดี นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า แสงเหนือแสงใต้เกิดจากการที่อนุภาคไฟฟ้า โดยเฉพาะโปรตอนและอิเลคตรอนซึ่งเดินทางมาจากดวงอาทิตย์ พุ่งเข้าชนบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วนับร้อยหรือพันกิโลเมตรต่อวินาที อนุภาคเหล่านี้มีกำเนิดในบรรยากาศของดวงอาทิตย์บริเวณเหนือกลุ่มจุดและจะเกิดขึ้นมากมายมีความเร็วสูงขณะเมื่อเกิดการลุกจ้าหรือการระเบิดขึ้นในบริเวณนั้น กระแสอนุภาคเหล่านี้บางส่วนจะเคลื่อนที่มาทางโลกของเรา โดยเหตุที่โลกมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่รอบตัว อนุภาคไฟฟ้าไม่สามารถจะเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กเข้ามาตรงๆ ได้ จึงมีการเบี่ยงเบนหมุนควงตามเส้นแรงแม่เหล็ก เข้าสู่บรรยากาศของโลกทางขั้วเหนือและขั้วใต้ของโลก
แสงสีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากในบางขณะดวงอาทิตย์ได้ส่งกระแสอิเลคตรอนจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์มายังโลก อิเลคตรอนนี้จะถูกสนามแม่เหล็กบังคับให้เบนไปสู่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ณ ที่นั้นอิเลคตรอนจะกระทบกับอะตอมและโมเลกุลของอากาศในบรรยากาศชั้นบน ทำให้อะตอมและโมเลกุลของอากาศแตกตัวเป็นอิออนไฟฟ้าเปล่งแสงสีออกมา
แสงสีที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือ เรียกว่า แสงเหนือ
แสงสีที่เกิดที่ขั้วโลกใต้ เรียกว่า แสงใต้
ข้อมูลจาก http://www.rmutphysics.com/
รูปภาพจาก http://www.alaska-in-pictures.com/ , s247.photobucket.com




วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

^_^ฟิสิกส์.....กลศาสตร์ควอนตัม^_^

ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยบวิชาฟิสิกส์

เว็บไซต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล http://www.rmutphysics.com/


กลศาสตร์ควอนตัม

กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics) เป็นสาขาหนึ่งในทฤษฎีรากฐานของฟิสิกส์ ที่มีความสามารถในการอธิบายผลการทดลองต่างๆ และถูกใช้แทนที่กลศาสตร์นิวตัน (หรือกลศาสตร์ดั้งเดิม) และ กลศาสตร์ไฟฟ้าของแม็กส์เวลล์ (หรือทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า) ซึ่งกลศาสตร์ดั้งเดิมเหล่านี้ไม่สามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์ในวัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอม แต่กลศาสตร์ควอนตัมนั้นสามารถคำนวณได้แม่นยำมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนาดของวัตถุที่สนใจนั้นเล็กถึงขนาดอะตอม จึงกล่าวได้ว่ากลศาสตร์ควอนตัมนั้นเป็นรากฐานเบื้องต้นของฟิสิกส์ที่มีความสำคัญมากกว่ากลศาสตร์นิวตันและกลศาสตร์ไฟฟ้าของแม็กส์เวลล์ หรือใกล้เคียงกับความจริงมากกว่านั่นเอง

กลศาสตร์ควอนตัมเริ่มในปี พ.ศ. 2443 เมื่อ มักซ์ พลังค์ ตีพิมพ์ทฤษฎีที่อธิบายถึงการปล่อยสเปกตรัมออกจากวัตถุดำ ซึ่ง 18 ปีต่อมา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์

ข้อแตกต่างของกลศาสตร์ดั้งเดิมและกลศาสตร์ควอนตัม กลายเป็นเรื่องประหลาด จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2469 แวร์เนอร์ ไฮเซนแบร์ก (Werner Heisenberg) , แอร์วิน ชเรอดิงเงอร์ (Erwin Schrödinger) และคนอื่นๆ สามารถอธิบายทฤษฎีดังกล่าวทางคณิตศาสตร์ได้

สำหรับความเกี่ยวเนื่องกับทฤษฎีทางฟิสิกส์อื่นๆ นั้น หากรวมสัมพัทธภาพพิเศษลงในกลศาสตร์ควอนตัม จะเรียกว่า พลศาสตร์ไฟฟ้าควอนตัม หรือทฤษฎีสนามควอนตัม

ในปัจจุบัน ถือได้ว่า กลศาสตร์ควอนตัม และ สัมพัทธภาพทั่วไป เป็นเสาหลักของฟิสิกส์ยุคใหม่ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดสามารถรวมสองทฤษฎีนี้เข้าด้วยกันได้ แต่ทฤษฎีสตริงอาจเป็นคำตอบสำหรับปัญหานี้

ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Love Valentine




ในวันวาเลนไทน์นี้คุณเตรียมที่จะบอกรักกับคนที่คุณรักแล้วรึยัง






เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Valentine



ความรักคืออะไร ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://www.mthai.com/scoop/valentineDay/2006/s01.php



วิธีเลือกซื้อของขวัญให้คนรัก ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://www.mthai.com/scoop/valentineDay/2006/s04.phpดอกไม้กับความหมายของความรัก ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://www.mthai.com/scoop/valentineDay/2006/s02.php
ความหมายดี ๆ จากการมอบดอกกุหลาบ ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://www.mthai.com/scoop/valentineDay/2006/s03.php



บอกรัก 100 ภาษา ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://www.mthai.com/scoop/valentineDay/2006/s05.php



ทายใจ-เขาชอบเราบ้างรึปล่าวน๊า ตรงนี้ค่ะจิ้มเลย http://webboard.mthai.com/13/2006-01-20/189087.html

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552


นิยามของผู้หญิง โง่ ๆ อย่างเรา

โง่... ที่ยอมทำได้ทุกย่าง เพื่อคนที่เรารัก ทั้งๆที่ไม่ได้ อะไรกลับคืนมาเลย...

โง่... ทั้งที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอก ก็ยังอยากที่จะรักเขาต่อไป

โง่... ทั้งๆที่รู้ว่า สักวันหนึ่ง อาจจะต้องถูกเขาทิ้งอย่างไม่เป็นท่า แต่ก็ไม่ยอมที่จะรักใครคนใหม่...

โง่... ที่จะต้องเปลืองน้ำตา เปลืองตัว เปลืองใจ ทั้งๆที่เขาทำให้เราต้อง เจ็บซ้ำไป-ซ้ำมา

โง่... ยอมทุกอย่างให้เขาจูงจมูก ยอมหูเบาเชื่อเขาทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เขาจากไป...

โง่... ที่จะต้องทำตัวเหมือนคนตาบอด ทำเป็นไม่รู้-ไม่เห็น ว่าเขาทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร?? ทนที่จะยอม โง่ และ โง่ ต่อไป... จนมองไม่เห็นความเป็นตัวของตัวเอง

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

นิยามของคำว่า "ผู้หญิง"





ธาตุตัวแรกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ (แต่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรมาก มายนัก)

ชื่อธาตุ : Woman
สัญลักษณ์ :Wo
ผู้ค้นพบ : Man
มวลอะตอม : มาตรฐาน 50 กิโลกรัม แต่อาจแปรเปลี่ยนได้จาก 40-80 กิโลกรัม
ลักษณะทั่วไป : คล้ายกันหมดถ้าอยู่ในเขตเมือง



คุณสมบัติทางฟิสิกส์
-พื้นผิวส่วนเคลือบด้วยสารหอมระเหยและน้ำมัน บำรุงผิว
-เดือดที่อุณหภูมิต่างๆ เอาแน่ไม่ได้
-ถึงจุดเยือกแข็งทันทีทันใด โดยไม่รู้สาเหตุ และอาจอยู่ที่จุดเยือกแข็ง ได้นานเป็นอาทิตย์
-หลอมละลายหากได้รับการเอาอกเอาใจถูกวิธี
-มีรสเผ็ดและขมถ้าใช้ผิดวิธี แปรเปลี่ยนได้หลายสถานะ ตั้งแต่แข็งเป็นหินจนถึง อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
-ไม่ทน ต่อการเสียดสี กระแทกกระทั้น

คุณสมบัติทางเคมี
-บ้างมีรสเป็นกรด บ้างหวานกว่าน้ำตาล บ้างเปรี้ยวอมหวาน
-ทำปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วกับเพชร ทอง ทับทิม ดอกไม้ และสิ่งสวยงามทุกชนิด
-ดูดซึมข้อมูลข่าวสารรอบตัวได้มากมายมหาศาล
-อาจจะระเบิดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า
-มีคุณสมบัติละลายเงินในกระเป๋าเมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า
-เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน (compatible) กับผลไม้รสเปรี้ยว ผักสลัด และไม่เข้ากับไขมันทุกประเภท

การทดสอบ
-วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม เมื่อถูกสัมผัส
-วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อวางถัดจากตัวอย่างที่สวยกว่า
-วัตถุตัวอย่าง จะเปลี่ยนเป็นส่งเสียงไม่หยุด เมื่ออยู่ รวมกันเป็นกลุ่ม

ประโยชน์
-แบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง
-ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์
-ทำให้โลกสดใส
-สร้างความอ่อนโยน ให้เกิดในสังคมมนุษย์

ข้อควรระวัง
-สัมผัสด้วยความประณีต และให้เกียรติ มิฉะนั้นอาจได้รับอันตราย
-ครอบครองได้เพียงชิ้นเดียว ใครฝ่าฝืน จะเกิดอาการ "สามเส้าดีซิส" ทำให้ทุรนทุราย อยากฆ่าตัวตาย